ออร่าแชมป์ลีก
ทำให้ตอนนี้แมนฯ ซิตี้ เก็บแต้มไล่หลัง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จ่าฝูงเหลือ 1 แต้มเหมือนเดิม ซึ่งในเกมพรีเมียร์ลีกนัดต่อไป (วันที่ 10 มี.ค.) ลิเวอร์พูล จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเรียกได้ว่าจะเป็นการตัดสินแชมป์แบบกลายๆอย่างแน่นอน
ถ้าพูดคาแรกเตอร์การคว้าแชมป์ชั่วโมงนี้ต้องยกให้ลิเวอร์พูลจริงๆ เพราะตอนนี้มีออร่าของการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกหรือลีกสูงสุดของลีกผู้ดีมาครองเป็นสมัยที่ 20 สูงมากเลยทีเดียวจากเกมชนะ นอตติงแฮม ฟอเรสต์ 1-0 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยในเกมดังกล่าวลิเวอร์พูลทำท่าจะจบลงด้วยการเสมอกับฟอเรสต์แล้ว เพราะยิงยังไงก็ไม่เข้า ติดผู้รักษาประตูกับแนวรับ “เจ้าป่า” แต่สุดท้ายก็เป็นดาร์วิน นูนเญซ มาโขกประตูชัยพาทีมเก็บ 3 แต้มในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 9 หรือนาทีสุดท้ายเลยทีเดียว
สำหรับคาแรกเตอร์ของการคว้าแชมป์หนึ่งในนั้นคือการพ่ายแพ้ยาก หรือเกมที่ควรแพ้แต่ก็ไม่แพ้ และเก็บชัยชนะในเกมที่สำคัญมากๆ หรือเกมที่ไม่ควรชนะแต่ก็เก็บชัยชนะได้ ซึ่งในปีนี้ลิเวอร์พูลก็มีช่วงจังหวะเหมือนเกมชนะฟอเรสต์ หลายต่อหลายเกมเช่นกัน
ม่ว่าจะเป็นเกมที่บุกชนะนิวคาสเซิล 2-1 ในช่วงต้นซีซันที่เหลือ 10 คนตั้งแต่นาทีที่ 28 และถูก “สาลิกา” นำไปก่อน 1-0 แต่สุดท้ายลิเวอร์พูลก็มาเร่งเครื่องช่วงท้ายเกมจากการเหมาของดาร์วินนูนเญซ นาทีที่ 81 และ 90 (+3) พลิกกลับมาชนะ2-1
หรือจะเป็นเกมที่ใกล้จะแพ้เหมือนในเกมเสมอ ลูตัน 1-1 โดยในเกมดังกล่าวลิเวอร์พูลตามหลัง ลูตัน 0-1 ก่อนจะเป็นหลุยส์ ดิอาซ ตามตีเสมอได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 5 รอดพ้นความพ่ายแพ้ไปอย่างหวุดหวิด
นอกจากนั้นยังมีเกมที่ควรจะแพ้อย่างตามหลังฟูแลม 2-3 แต่ “หงส์แดง” ก็มายิงรัว 2ประตูรวดในช่วง 2 นาที จากวาตารุ เอ็นโด (น.87)และ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ (น.88) พลิกกลับมาชนะ 4-3 ไปในที่สุด เช่นเดียวกับเกมเสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-1 เกมดังกล่าว “หงส์แดง” โดนนำไปตั้งแต่นาทีที่ 27 กว่าจะมาตีเสมอได้จากลูกยิงสุดสวยของเทรนต์ นาทีที่ 80 จนมาแบ่งแต้มกลับบ้านได้สำเร็จ
นอกจากความไม่ยอมแพ้ของแข้ง “หงส์แดง” ที่สู้ไม่ถอยจนได้ชัยชนะที่สำคัญหรือรอดพ้นจากความพ่ายแพ้แล้วอีกหนึ่งคาแรกเตอร์ของ “เรด แมชชีน” คือความหิวกระหายแชมป์ลีก ซึ่งดูได้จากหลายๆเกมที่ลิเวอร์พูล แม้ว่าจะนำห่างหรือค่อนข้างขาดลอยแล้ว แต่ลูกทีมของเจอร์เกน คลอปป์ ก็ยังเดินหน้าไล่ล่าประตูเหมือนเกมนั้นๆ ยังยิงประตูไม่ได้
ซึ่งเรียกได้ว่า “หงส์แดง” เก็บรายละเอียดทุกเม็ดไม่ยอมปล่อยช่องว่างให้ความผิดพลาดเล่นงานเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะคลอปป์และพวกพ้องได้รู้แล้วว่าการผิดพลาดแค่ครั้งเดียวก็จะส่งผลใหญ่หลวงต่อมาอย่างแน่นอน
ส่วนอีกหนึ่งที่ทำให้ลิเวอร์พูลใส่เต็มที่เต็มพลังไม่มีถอยตลอดทั้งเกมก็เพราะต้องการคว้าทุกแชมป์เพื่อเป็นการส่งท้ายให้กับเจอร์เกน คลอปป์ นายใหญ่สุดที่รัก ที่จะวางมือจากการคุมทัพ “หงส์แดง” หลังจากจบฤดูกาลนี้
โดยเฉพาะแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นถ้วยที่บรรดา “หงส์แดง” ต้องการมากที่สุด
ก็ต้องมาลุ้นกันว่าสุดท้าย ลิเวอร์พูลจะทำได้ตามเป้าหมายได้หรือไม่ แต่บอกเลยว่าตอนนี้ “ออร่า” แชมป์ลีกของ “หงส์แดง”มันช่างเจิดจ้าซะเหลือเกิน!!
โพสต์จาก thairathsport
โพสต์ฮอต
-
เอซี มิลาน พลิกชนะ อินเตอร์ มิลาน 3-2 คว้าแชมป์ซูแปร์โกปปาอีตาเลียนาเป็นสมัยที่ 8
-
วิเคราะห์บอล ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส VS ลูตัน ทาวน์
-
พรีเมียร์ลีก - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสมอ ลิเวอร์พูล 2-2 ยุติการแพ้ติดต่อกัน 4 นัด
-
อีเอฟแอลคัพ - อาร์เซนอลพ่ายนิวคาสเซิล 0-2 คาบ้าน
-
วิเคราะห์บอล บริสแบน โรว์ VS นิวคาสเซิล เจ็ทส์
-
วิเคราะห์บอล คิลมาร์น็อค VS มาเธอร์เวลล์