ผลบอลพรีเมียร์ลีก แมนฯซิตี้ บุกชนะ สเปอร์ส ฮาลันด์ เบิ้ล
เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ทำ 2 ประตูช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกมาชนะ สเปอร์ส 2-0 พร้อมแซง อาร์เซน่อลกลับไปเป็นจ่าฝูง และถ้า ซิตี้ ชนะนัดสุดท้ายจะเป็นแชมป์ทันที
อังเก้ พอสเตโคกลู กุนซือสเปอร์ส เปลี่ยน 3 ตำแหน่งจากเกมชนะเบิร์นลี่ย์ 2-1 โดย ราดู ดรากูชิน,โรดริโก้ เบนทานคูร์ และ ปิแอร์ เอมิล ฮอยเบียร์ ได้สตาร์ต เกมนี้ มิคกี้ ฟาน เดอ เฟ่น ถูกถ่างไปยืนแบ๊กซ้าย แดนกลางไม่มี อีฟส์ บิสซูม่า ที่เจ็บจากเกมล่าสุด
ทางฝั่ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เปลี่ยนทีมแมนฯ ซิตี้ ตำแหน่งเดียว จากเกมชนะฟูแล่ม 4-0 เมิอวันเสาร์ โดย เนธาน อเก้ ที่เจ็บในเกมดังกล่าว ถูกแทนด้วย ไคล์ วอล์คเกอร์ นอกนั้นเป็นชุดเดิมทั้งหมด โดยมี เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ทะลวงประตู
นาทีที่ 6 เบรนเนน จอห์นสัน จ่ายให้ โรดริโก้ เบนทานคูร์ ตั้งป้อมยิงด้วยซ้ายเล่นเอา เอแดร์ซอน โมราเอส ต้องปัดทิ้งเสียเตะมุม
นาทีที่ 8 เควิน เดอ บรอยน์ ยิงไปแฉลบ มิคกี้ ฟาน เดอ เฟ่น เกือบเสียบเสาสอง แต่ดีจังหวะนี้ ไคล์ วอล์คเกอร์ คนที่ให้บอลมาถูกเป่าย้อนล้ำหน้าไปก่อนแล้ว
นาทีที่ 16 สเปอร์ส มาพลาด ปิแอร์ เอมิล ฮอยเบียร์ เตะผิดเหลี่ยมมาเข้าทาง ฟิล โฟเด้น ได้ยิงด้วยซ้ายแต่ กูเยลโม่ วิคาริโอ ยังเซฟเอาไว้ได้
เกมผ่านครึ่งชั่วโมง ทั้งสองทีมเรียกว่าใช้การเพรสซิ่งกดดัน และรอหาจังหวะสวนเหมือนๆ กัน
นาทีที่ 33 เบรนเนน จอห์นสัน จี้เข้าเขตโทษก่อนเปิดยัดเข้ามา เอแดร์ซอน โมราเอส รับแต่ซองแตก ดีที่ลูกออกหลังเสียเตะมุม
นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก แมนฯ ซิตี้ พลาดโอกาสทองในการขึ้นนำเมื่อ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ยิงไปติด มิคกี้ ฟาน เดอ เฟ่น ก่อนบอลมาเข้าทาง แบร์นาโด ซิลวา ยิงไปติด ราดู ดรากูชิน ออกหลัง จบ 45 นาทีแรก เกมยัง 0-0
กลับมาครึ่งหลังเพียง 2 นาที สเปอร์ส บิ้วอัพเกมพลาด ปิแอร์ เอมิล ฮอยเบียร์ จ่ายตัดเข้ากลางบอลมาถึง เควิน เดอ บรอยน์ กดด้วยขวาแต่ กูเยลโม่ วิคาริโอ ยังเซฟเอาไว้ได้
นาทีที่ 49 เบรนเนน จอห์นสัน ปาดจากริมเส้นฝั่งขวามาให้ ซน ฮึง-มิน ได้ยิงจ่อๆ แต่ เอแดร์ซอน โมราเอส บล็อกเอาไว้ได้
นาทีที่ 51 แมนฯ ซิตี้ ขึ้นนำ 1-0 เควิน เดอ บรอยน์ หักจากทางขวามาให้ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ยิงจ่อๆ เข้าไป และเป็นประตูที่ 26 ในพรีเมียร์ลีกของดาวเตะทีมชาตินอร์เวย์ ในฤดูกาลนี้
นาทีที่ 62 คริสเตียน โรเมโร่ เข้าหาบอลในจังหวะหวังทำประตูแต่ก็เข้าไปปะทะ เอแดร์ซอน โมราเอส จนต้องปฐมพยาบาล และเกมหยุดพักใหญ่ แต่ เอแดร์ซอน ก็ลุกขึ้นมาเล่นต่อได้
นาทีที่ 68 เป๊ป ตัดสินใจเลือกที่จะถอด เอแดร์ซอน ออกและส่ง สเตฟาน ออร์เตก้า ลงไปเฝ้าเสาแทน รวมไปถึง เควิน เดอ บรอยน์ ก็ถูกแทนที่ด้วย เฌเรมี่ โดกู
นาทีที่ 71 สเปอร์ส ยังไม่ได้ประตูตีเสมอ เดยัน คูลูเซฟสกี้ ตัวสำรอง ได้ยิงจ่อๆ หวังยัดเสาแรกแต่ สเตฟาน ออร์เตก้า ยังปิดมุมเซฟเอาไว้ได้
นาทีที่ 80 สเปอร์ส มีลุ้นอีกครั้ง เดยัน คูลูเซฟสกี้ จะลองยิงใส่ สเตฟาน ออร์เตก้า แต่ทว่าไม่หลงและเซฟเอาไว้ได้
นาที 86 มานูเอล อคานจี มาพลาด บอลมาเข้าทาง ซน ฮึง-มิน หลุดเข้าไปดวลกับ สเตฟาน ออร์เตก้า แต่แนวรุกทีมชาติเกาหลีใต้ยิงไปติดอย่างน่าเสียดาย
นาที 90 เปโดร ปอร์โร่ ไปเตะใส่ เฌเรมี่ โดกู ในกรอบผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษ และเป็น เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ สังหารไม่พลาด แมนฯ ซิตี้ ขยับหนี 2-0 และเป็นประตูที่ 27 ของ ฮาลันด์ ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ และเป็นประตูที่ 38 ในทุกรายการ
ช่วงทดเจ็บ 10 นาที เฌเรมี่ โดกู ยิงยัดเสาแรก แต่ยัง กูเยลโม่ วิคาริโอ ยังเซฟด้วยไหล่เอาไว้ได้
จบเกม แมนฯ ซิตี้ บุกมาชนะ 2-0 ทำให้มีเพิ่มเป็น 88 แซงอาร์เซน่อล กลับมาเป็นจ่าฝูง โดยมีแต้มมากกว่า 2 คะแนน และเกมสุดท้ายจะกลับไปเล่นในบ้านพบ เวสต์แฮม ซึ่งชนะจะเป็นแชมป์ทันที ส่วนสเปอร์ส หมดลุ้นไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า โดยนัดสุดท้ายจะไปเยือน เชฟฯ ยูไนเต็ด และขอแค่เสมอจะจบที่ 5
ผู้เล่น 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
สเปอร์ส (4-3-3) : กูเยลโม่ วิคาริโอ - เปโดร ปอร์โร่, คริสเตียน โรเมโร่, ราดู ดรากูชิน, มิคกี้ ฟาน เดอ เฟ่น - โรดริโก้ เบนทานคูร์, ปิแอร์ เอมิล ฮอยเบียร์, ป๊าป ซาร์ - เบรนเนน จอห์นสัน, ซน ฮึง-มิน, เจมส์ แมดดิสัน
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-2-3-1) : เอแดร์ซอน โมราเอส- ไคล์ วอล์คเกอร์, มานูเอล อคานจี, รูเบน ดิอาส, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล - โรดรี้ เอร์นานเดซ, มาเตโอ โควาชิช - แบร์นาโด ซิลวา, เควิน เดอ บรอยน์, ฟิล โฟเด้น - เออร์ลิ่ง ฮาลันด์
*อิงจากpptvhd36
อังเก้ พอสเตโคกลู กุนซือสเปอร์ส เปลี่ยน 3 ตำแหน่งจากเกมชนะเบิร์นลี่ย์ 2-1 โดย ราดู ดรากูชิน,โรดริโก้ เบนทานคูร์ และ ปิแอร์ เอมิล ฮอยเบียร์ ได้สตาร์ต เกมนี้ มิคกี้ ฟาน เดอ เฟ่น ถูกถ่างไปยืนแบ๊กซ้าย แดนกลางไม่มี อีฟส์ บิสซูม่า ที่เจ็บจากเกมล่าสุด
ทางฝั่ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เปลี่ยนทีมแมนฯ ซิตี้ ตำแหน่งเดียว จากเกมชนะฟูแล่ม 4-0 เมิอวันเสาร์ โดย เนธาน อเก้ ที่เจ็บในเกมดังกล่าว ถูกแทนด้วย ไคล์ วอล์คเกอร์ นอกนั้นเป็นชุดเดิมทั้งหมด โดยมี เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ทะลวงประตู
นาทีที่ 6 เบรนเนน จอห์นสัน จ่ายให้ โรดริโก้ เบนทานคูร์ ตั้งป้อมยิงด้วยซ้ายเล่นเอา เอแดร์ซอน โมราเอส ต้องปัดทิ้งเสียเตะมุม
นาทีที่ 8 เควิน เดอ บรอยน์ ยิงไปแฉลบ มิคกี้ ฟาน เดอ เฟ่น เกือบเสียบเสาสอง แต่ดีจังหวะนี้ ไคล์ วอล์คเกอร์ คนที่ให้บอลมาถูกเป่าย้อนล้ำหน้าไปก่อนแล้ว
นาทีที่ 16 สเปอร์ส มาพลาด ปิแอร์ เอมิล ฮอยเบียร์ เตะผิดเหลี่ยมมาเข้าทาง ฟิล โฟเด้น ได้ยิงด้วยซ้ายแต่ กูเยลโม่ วิคาริโอ ยังเซฟเอาไว้ได้
เกมผ่านครึ่งชั่วโมง ทั้งสองทีมเรียกว่าใช้การเพรสซิ่งกดดัน และรอหาจังหวะสวนเหมือนๆ กัน
นาทีที่ 33 เบรนเนน จอห์นสัน จี้เข้าเขตโทษก่อนเปิดยัดเข้ามา เอแดร์ซอน โมราเอส รับแต่ซองแตก ดีที่ลูกออกหลังเสียเตะมุม
นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก แมนฯ ซิตี้ พลาดโอกาสทองในการขึ้นนำเมื่อ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ยิงไปติด มิคกี้ ฟาน เดอ เฟ่น ก่อนบอลมาเข้าทาง แบร์นาโด ซิลวา ยิงไปติด ราดู ดรากูชิน ออกหลัง จบ 45 นาทีแรก เกมยัง 0-0
กลับมาครึ่งหลังเพียง 2 นาที สเปอร์ส บิ้วอัพเกมพลาด ปิแอร์ เอมิล ฮอยเบียร์ จ่ายตัดเข้ากลางบอลมาถึง เควิน เดอ บรอยน์ กดด้วยขวาแต่ กูเยลโม่ วิคาริโอ ยังเซฟเอาไว้ได้
นาทีที่ 49 เบรนเนน จอห์นสัน ปาดจากริมเส้นฝั่งขวามาให้ ซน ฮึง-มิน ได้ยิงจ่อๆ แต่ เอแดร์ซอน โมราเอส บล็อกเอาไว้ได้
นาทีที่ 51 แมนฯ ซิตี้ ขึ้นนำ 1-0 เควิน เดอ บรอยน์ หักจากทางขวามาให้ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ยิงจ่อๆ เข้าไป และเป็นประตูที่ 26 ในพรีเมียร์ลีกของดาวเตะทีมชาตินอร์เวย์ ในฤดูกาลนี้
นาทีที่ 62 คริสเตียน โรเมโร่ เข้าหาบอลในจังหวะหวังทำประตูแต่ก็เข้าไปปะทะ เอแดร์ซอน โมราเอส จนต้องปฐมพยาบาล และเกมหยุดพักใหญ่ แต่ เอแดร์ซอน ก็ลุกขึ้นมาเล่นต่อได้
นาทีที่ 68 เป๊ป ตัดสินใจเลือกที่จะถอด เอแดร์ซอน ออกและส่ง สเตฟาน ออร์เตก้า ลงไปเฝ้าเสาแทน รวมไปถึง เควิน เดอ บรอยน์ ก็ถูกแทนที่ด้วย เฌเรมี่ โดกู
นาทีที่ 71 สเปอร์ส ยังไม่ได้ประตูตีเสมอ เดยัน คูลูเซฟสกี้ ตัวสำรอง ได้ยิงจ่อๆ หวังยัดเสาแรกแต่ สเตฟาน ออร์เตก้า ยังปิดมุมเซฟเอาไว้ได้
นาทีที่ 80 สเปอร์ส มีลุ้นอีกครั้ง เดยัน คูลูเซฟสกี้ จะลองยิงใส่ สเตฟาน ออร์เตก้า แต่ทว่าไม่หลงและเซฟเอาไว้ได้
นาที 86 มานูเอล อคานจี มาพลาด บอลมาเข้าทาง ซน ฮึง-มิน หลุดเข้าไปดวลกับ สเตฟาน ออร์เตก้า แต่แนวรุกทีมชาติเกาหลีใต้ยิงไปติดอย่างน่าเสียดาย
นาที 90 เปโดร ปอร์โร่ ไปเตะใส่ เฌเรมี่ โดกู ในกรอบผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษ และเป็น เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ สังหารไม่พลาด แมนฯ ซิตี้ ขยับหนี 2-0 และเป็นประตูที่ 27 ของ ฮาลันด์ ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ และเป็นประตูที่ 38 ในทุกรายการ
ช่วงทดเจ็บ 10 นาที เฌเรมี่ โดกู ยิงยัดเสาแรก แต่ยัง กูเยลโม่ วิคาริโอ ยังเซฟด้วยไหล่เอาไว้ได้
จบเกม แมนฯ ซิตี้ บุกมาชนะ 2-0 ทำให้มีเพิ่มเป็น 88 แซงอาร์เซน่อล กลับมาเป็นจ่าฝูง โดยมีแต้มมากกว่า 2 คะแนน และเกมสุดท้ายจะกลับไปเล่นในบ้านพบ เวสต์แฮม ซึ่งชนะจะเป็นแชมป์ทันที ส่วนสเปอร์ส หมดลุ้นไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า โดยนัดสุดท้ายจะไปเยือน เชฟฯ ยูไนเต็ด และขอแค่เสมอจะจบที่ 5
ผู้เล่น 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
สเปอร์ส (4-3-3) : กูเยลโม่ วิคาริโอ - เปโดร ปอร์โร่, คริสเตียน โรเมโร่, ราดู ดรากูชิน, มิคกี้ ฟาน เดอ เฟ่น - โรดริโก้ เบนทานคูร์, ปิแอร์ เอมิล ฮอยเบียร์, ป๊าป ซาร์ - เบรนเนน จอห์นสัน, ซน ฮึง-มิน, เจมส์ แมดดิสัน
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-2-3-1) : เอแดร์ซอน โมราเอส- ไคล์ วอล์คเกอร์, มานูเอล อคานจี, รูเบน ดิอาส, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล - โรดรี้ เอร์นานเดซ, มาเตโอ โควาชิช - แบร์นาโด ซิลวา, เควิน เดอ บรอยน์, ฟิล โฟเด้น - เออร์ลิ่ง ฮาลันด์
*อิงจากpptvhd36
โพสต์ฮอต
-
พรีวิวก่อนเกม บุนเดสลีกา: ดอร์ทมุนด์ vs เลเวอร์คูเซ่น
-
เอซี มิลาน พลิกชนะ อินเตอร์ มิลาน 3-2 คว้าแชมป์ซูแปร์โกปปาอีตาเลียนาเป็นสมัยที่ 8
-
วิเคราะห์บอล บริสแบน โรว์ VS นิวคาสเซิล เจ็ทส์
-
อีเอฟแอลคัพ - อาร์เซนอลพ่ายนิวคาสเซิล 0-2 คาบ้าน
-
วิเคราะห์บอล คิลมาร์น็อค VS มาเธอร์เวลล์
-
วิเคราะห์บอล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด VS ปูซามาเนีย บอร์เนียว เอฟซี