เกมเปลี่ยนชีวิต เอริค เทน ฮาก? 5 ประเด็น แมนยู ดับซ่า แมนซิตี้ นัดชิงเอฟเอ
แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ เอริค เทน ฮาก ปิดฉากซีซั่น 2023/24 ได้อย่างมีสไตล์ด้วยการล้างตา แมนฯ ซิตี้ ทีมร่วมเมืองได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ ที่สนาม เวมบลีย์ เมื่อวันเสาร์ที่ 25 พ.ค.โดย ผีแดง เอาชนะ เรือใบสีฟ้า ได้ด้วยสกอร์ 2-1 แบบมีเสียวเล็กๆช่วงท้ายซิวโทรฟี่ใบนี้ได้เป็นสมัยที่ 13 เป็นรอง อาร์เซน่อล ทีมเดียวที่ได้แชมป์รายการนี้ 14 ครั้ง อีกทั้งเกมนี้น่าจะมีผลต่ออนาคตการคุมทีมดังแห่ง โอลด์ แทรฟฟอร์ด ของกุนซือชาวเมืองกังหันลมไม่น้อย
1. แชมป์โรเตชั่นสามตำแหน่ง
แมนฯ ซิตี้ แชมป์ เอฟเอคัพ ปรับทีมตัวจริงสามรายหลังประสบความสำเร็จป้องกันแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้ก่อนแล้วด้วยการเปิดบ้านเอาชนะ เวสต์แฮม 3-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้ จอห์น สโตนส์ กลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงนัดแรกนับตั้งแต่รอบตัดเชือกถ้วยน็อกเอาต์ที่พวกเขาพิชิต เชลซี 1-0 เมื่อห้าสัปดาห์ก่อน
นอกจาก สโตนส์ ขุนพลทีมชาติ อังกฤษ แล้ว นาธาน อาเก้ ก็กลับมาสวมบทเซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวจริงอีกราย ส่งผลให้ มานูเอล อาคันจี กับ รูเบน ดิอาส ตกเป็นตัวสำรอง
ส่วนอีกรายที่นายใหญ่สแปนิชส่งลงเล่นเป็นตัวจริงคือ มาเตโอ โควาซิช ซึ่งเบียด เฌเรมี่ โดกู ไปนั่งข้างสนาม
2. ผีส่ง แรชฟอร์ด ทะลวงตาข่าย
เอริค เทน ฮาก นายใหญ่ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาใช้งาน มาร์คัส แรชฟอร์ด ให้ลงสนามเป็นตัวจริงหลังจากสตาร์ทีมชาติ อังกฤษ หลุดโผชุดสู้ศึก ยูโร 2024
พร้อมกันนี้ ราฟาแอล วาราน เซ็นเตอร์ฮาล์ฟเฟรนช์แมนเป็นอีกรายที่ได้กลับมาออกสตาร์ต ขณะที่ กาเซมีโร่ กองหลังจำเป็นต้องหลีกทางให้โดยหล่นไปนั่งข้างสนามร่วมกับ อาหมัด ดิยัลโล่
รวมแล้ว ผีแดง ปรับทัพสองตำแหน่งจากเกมปิดซีซั่น พรีเมียร์ลีก ที่บุกไปสยบ ไบรท์ตัน 2-0
อย่างไรก็ดี ถัดมาก่อนเริ่มเกม แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องเปลี่ยนโผตัวสำรองเนื่องจาก กาเซมีโร่ ซึ่งเจ็บมาตั้งแต่กลางสัปดาห์มีอาการกล้ามเนื้อตึงขณะวอร์มอัพในห้องแต่งตัวจึงต้องหลีกทางให้ วิลลี่ กัมบวาล่า ติดโผแทน
3. เด็กผีมีของ
แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มเกมด้วยความรัดกุมตามคาด และเน้นตั้งรับแบบเต็มพิกัดด้วยการแพ็คเกมในแดนตัวเองบีบพื้นที่ไม่ให้ แมนฯ ซิตี้ มีช่องทะลุทะลวง และสามารถสกัดการจู่โจมของทีมร่วมเมืองได้อย่างชะงัดจนทีมของ กวาร์ดิโอล่า แทบไม่มีโอกาสได้ส่องยิง
และในที่สุด สิ่งที่ ผีแดง ต้องการก็เป็นผลเนื่องจากแผงหลังของ เรือใบสีฟ้า ต้องดันขึ้นสูงตลอดเวลาเพื่อร่วมทำเกมรุก และเปิดพื้นที่ให้ แมนฯ ยูไนเต็ด โต้ด้วยลูกวางยาวตามแผน แถม สเตฟาน ออร์เตก้า กับ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ไม่เข้าใจกันจนเป็นการร่วมมอบของขวัญให้ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ตามไปเก็บตกส่งบอลเข้าประตูอย่างง่ายดายพา ผีแดง นำ 1-0 ในนาทีที่ 30
จากการคลำเป้าได้ การ์นาโช่ จึงเป็นนักเตะอาร์เจนไตน์รายแรกที่กระทุ้งประตูได้ในเกมชิงดำ เอฟเอคัพ ต่อจาก ริคาร์โด้ บีย่า อดีตขุนพลทีม สเปอร์ส และเป็นนักเตะวัยรุ่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด รายที่สามที่สอยตาข่ายในเกมนี้ได้ต่อจาก นอร์แมน ไวท์ไซด์ (ปี 1983 กับ ไบรท์ตัน) และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (ปี 2004 กับ มิลวอลล์)
หลังเสียประตู แมนฯ ซิตี้ จำเป็นต้องดันเกมรุกขึ้นสูงมากขึ้นอีก และเข้าทาง แมนฯ ยูไนเต็ด อีกรอบโดยลูกทีมของ เทน ฮาก อาศัยการวางบอลยาวตัดแผงหลังของคู่แข่งอีกครั้งจากการประสานงานกันเป็นทอดๆไล่ตั้งแต่ แรชฟอร์ด ที่ทิ้งบอลข้ามฟากไปทางขวาให้ การ์นาโช่ ตบเข้ากลางก่อนที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส จะจ่ายให้ ค็อบบี้ เมนู เผด็จศึกพา ปีศาจแดง นำห่าง 2-0 ใน 45 นาทีแรกแม้ว่าแชมป์เก่าจะครองบอลได้มากกว่าอื้อซ่า 74.3%:25.7% แต่เป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ได้ยิงมากกว่า 5:3 ครั้ง และส่งบอลเข้ากรอบได้มากกว่าเช่นกัน 3:1 ครั้ง
หลังเช็กบิลเม็ดสองของเกมได้ เมนู ก็เป็นดาวเตะวัยรุ่นอิงลิชรายแรกที่มีชื่อติดสกอร์บอร์ดนัดชิง เอฟเอคัพ ต่อจาก สตีฟ แม็คเคนซี่ ในเกมที่ แมนฯ ซิตี้ ดวลกับ สเปอร์ส ในปี 1981 แถมทั้งเขา และ การ์นาโช่ ทำให้นัดชิงดำ เอฟเอคัพ ปีนี้เป็นหนแรกสุดที่มีสองนักเตะวัยรุ่นทำประตูได้ในเกมเดียวกัน
สำหรับ เมนู เอง เขาเป็นนักเตะคนแรกที่เกิดในศตวรรษที่ 21 ด้วยที่ยิงประตูได้ในเกมชิงถ้วย เอฟเอคัพ และเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดอันดับสองที่ส่งบอลเข้าประตูในเกมนี้ได้ด้วยวัย 19 ปี 36 วันรองจาก จอห์ย ซิสันส์ ของทีม เวสต์แฮม ในปี 1964 ขณะมีอายุ 18 ปี 215 วัน
4. โรดรี้ แพ้แล้ว
เป็นไปตามคาดที่ครึ่งหลัง แมนฯ ซิตี้ บุกใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างได้น้ำได้เนื้อมากกว่าครึ่งหลัง เพียงแต่ไม่ใกล้เคียงที่จะคลำเป้าได้เนื่องจากการได้ วาราน จับคู่กับ มาร์ติเนซ มีส่วนสำคัญที่ทำให้เกมรับของ ผีแดง เอาอยู่เพราะหากเกมนี้ กาเซมีโร่ ถูกส่งลงบู๊ในแผงหลังเชื่อเหลือเกินกว่าแฟนบอล เร้ด เดวิลส์ จะเสียวสันหลังมากกว่านี้
อย่างไรก็ดี การลงสนามของ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ กับ โดกู สองตัวสำรองของ แมนฯ ซิตี้ ทำให้เกมรุกของพวกเขามีความวูบวาบและอันตรายมากขึ้น กระทั่งสามนาทีสุดท้าย อ็องเดร โอนาน่า ที่ทำดีมาตลอดด้วยการเซฟสองลูกยิงของ ไคล์ วอล์คเกอร์ ก็ทำให้กองเชียร์อสูรหนาวๆร้อนๆไปตามๆกันเนื่องจากปัดลูกยิงของปีกทีมชาติ ฝรั่งเศส ไม่อยู่หลุดเข้าประตูให้ เรือใบสีฟ้า ไล่ตาม 2-1 โดยมีการทดเวลาเจ็ดนาที แต่ดีที่ว่าเกมนี้แชมป์ พรีเมียร์ลีก เล่นกันได้ต่ำกว่ามาตรฐานทั้ง เควิน เดอ บรอยน์ ที่โดนเปลี่ยนตัว , ฟิล โฟเด้น , แบร์นาร์โด้ ซิลวา รวมทั้ง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ซึ่งไม่มีพิษสงเหมือนหลายๆเกมที่ผ่านมาจนส่งผลให้ ผีแดง ล้างแค้นได้สำเร็จ
หลังจบ 90 นาที ทีมของ กวาร์ดิโอล่า มีสถิติการครองบอลเหนือกว่า 73.5%:26.5% และมีโอกาสซัดประตูแซงหน้า ผีแดง 19:11 ครั้ง แต่ส่งบอลเข้ากรอบเป็นรอง 5:4 ครั้ง
ขณะเดียวกัน หลังแชมป์เก่าปราชัย โรดรี้ ที่ไม่เคยแพ้เลยหลังลงสนามให้ แมนฯ ซิตี้ มานานติดต่อกันในทุกรายการ 34 นัด (ชนะ 27 เสมอ 7) ก็แพ้เป็นเกมแรกจนได้
ด้าน เรือใบสีฟ้า เสียสถิติแพ้เป็นเกมแรกของทุกรายการเช่นกันหลังจากพวกเขาไร้พ่ายมานาน 35 นัด และไม่สามารถทำลายสถิติของ ฟอเรสต์ ทีมในลีกสูงสุดของเมืองผู้ดีที่ไม่แพ้นานที่สุดรวม 40 นัดเมื่อปี 1978 ในยุคของ ไบรอัน คลัฟ
สำหรับ กวาร์ดิโอล่า เท่ากับว่าเขาแพ้นัดชิงชนะเลิศเป็นหนที่สองนับตั้งแต่ได้กุมบังเหียน แมนฯ ซิตี้ หลังแพ้เพียงครั้งเดียวให้กับ โธมัส ทูเคิ่ล ในเกมชิงดำถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2021 นัดพ่าย เชลซี 1-0 ก่อนเสียท่าให้กับ เทน ฮาก
5. เทน ฮาก อยู่ต่อ?
เป็นอันว่า เทน ฮาก ลบคำสบประมาทได้สำเร็จ และพา แมนฯ ยูไนเต็ด ชำระแค้นคู่ปรับเก่าได้พร้อมทั้งนำโทรฟี่ เอฟเอคัพ มาประดับตู้โชว์ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด อย่างพลิกความคาดหมาย
จากความสำเร็จดังกล่าว ทำให้ ผีแดง ได้เล่นถ้วย ยูโรปาลีก ในซีซั่นหน้า ขณะที่ นิวคาสเซิ่ล ทีมอันดับเจ็ดของตาราง พรีเมียร์ลีก ต้องอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนอย่างช่วยไม่ได้ในเมื่อทีมของ เทน ฮาก คว่ำทีมร่วมเมืองได้ในเกมชิงดำฟุตบอลถ้วย
นอกจากนี้ ที่ต้องจับตามองกันต่อย่อมหนีไม่พ้นอนาคตของผู้จัดการทีมชาวฮอลแลนด์เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาถูกสื่ออย่างน้อยๆสองเจ้าพาดหัวข่าวตัวเท่าหม้อแกงว่าโดนปลดล้านเปอร์เซนต์แม้จะพาทีมสยบ แมนฯ ซิตี้ ที่ เวมบลีย์ ได้ก็ตามเนื่องจากผลงานใน พรีเมียร์ลีก ของ แมนฯ ยูไนเต็ด สุดเลวร้าย
อย่างไรก็ดี หลังพาทีมดับซ่า เรือใบสีฟ้า ได้ และด้วยฟอร์มที่เป็นชิ้นเป็นอัน แถมมีทรงอย่างเหลือเชื่อ มันอาจเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่าสิ่งที่ เทน ฮาก อธิบาย (แก้ตัว) มาโดยตลอดเป็นเรื่องจริงอย่างที่เขายืนยัน นั่งยัน และนอนยันเรื่อยมาว่า ผีแดง มีผลงานแย่ในซีซั่นที่ผ่านมาเนื่องจากมีนักเตะล้มเจ็บค่อนทีม
จนในที่สุด เขาประสบความสำเร็จได้สองแชมป์ในสองปีกับ ผีแดง แถมเกมชนะ แมนฯ ซิตี้ หักหน้านักวิจารณ์ยับยังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ เจ้าของร่วมผู้กุมชะตากุนซือสกินเฮดด้วย และที่สำคัญเกมที่ เวมบลีย์ เร้ด เดวิลส์ ก็ไม่ถึงกับเป็นรองทีมร่วมเมืองแบบสุดลิ่มทิ่มประตูเหมือนหลายนัดที่ผ่านมา บางทีมันอาจทำให้มหาเศรษฐีชาวเมืองผู้ดีใจอ่อนยอมปล่อยให้ เทน ฮาก คุมทีมอีกปีตามที่มีสัญญาผูกมัดในปีสุดท้ายก็เป็นได้เพราะอย่างน้อยๆเขาแสดงให้เห็นว่าสามารถพาทีมร่วมฟาดเกือกถ้วยยุโรปได้ แม้จะเป็นถ้วยใบเล็กก็ตาม อีกทั้ง เซอร์ แรตคลิฟฟ์ ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินปลดเขาออกด้วย และสู้นำเงินไปลงทุนเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์อาจยังดีซะกว่า
ทั้งนี้และทั้งนั้น หากว่าสุดท้ายแล้ว เทน ฮาก ไม่โดนปลดเหมือนที่สื่อประโคมข่าวก็อาจพูดได้เลยว่าฟุตบอลเกมเดียวสามารถพลิกผันชะตาของผู้จัดการทีมได้เลยแม้เท่าที่ผ่านมาเขาจะคุมทีมลงเล่นด้วยฟอร์มที่ดูไม่จืด แต่นัดชนะ แมนฯ ซิตี้ ชนิดที่แทบไม่เปิดโอกาสให้ทีมที่มีเกมรุกน่าเกรงขามมากที่สุดทีมหนึ่งได้จบสกอร์ตามใจชอบเหมือนเคยถือเป็นการพิสูจน์ถึงกึ๋นของนายใหญ่วัย 54 ปีได้เช่นกันว่าเขาสมควรได้รับโอกาสให้แก้ตัวในซีซั่นหน้าโดยที่บอร์ดจะต้องให้การสนับสนุนในการเสริมทัพช่วงซัมเมอร์นี้อย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
*อิงจากsiamsport
1. แชมป์โรเตชั่นสามตำแหน่ง
แมนฯ ซิตี้ แชมป์ เอฟเอคัพ ปรับทีมตัวจริงสามรายหลังประสบความสำเร็จป้องกันแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้ก่อนแล้วด้วยการเปิดบ้านเอาชนะ เวสต์แฮม 3-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้ จอห์น สโตนส์ กลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงนัดแรกนับตั้งแต่รอบตัดเชือกถ้วยน็อกเอาต์ที่พวกเขาพิชิต เชลซี 1-0 เมื่อห้าสัปดาห์ก่อน
นอกจาก สโตนส์ ขุนพลทีมชาติ อังกฤษ แล้ว นาธาน อาเก้ ก็กลับมาสวมบทเซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวจริงอีกราย ส่งผลให้ มานูเอล อาคันจี กับ รูเบน ดิอาส ตกเป็นตัวสำรอง
ส่วนอีกรายที่นายใหญ่สแปนิชส่งลงเล่นเป็นตัวจริงคือ มาเตโอ โควาซิช ซึ่งเบียด เฌเรมี่ โดกู ไปนั่งข้างสนาม
2. ผีส่ง แรชฟอร์ด ทะลวงตาข่าย
เอริค เทน ฮาก นายใหญ่ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาใช้งาน มาร์คัส แรชฟอร์ด ให้ลงสนามเป็นตัวจริงหลังจากสตาร์ทีมชาติ อังกฤษ หลุดโผชุดสู้ศึก ยูโร 2024
พร้อมกันนี้ ราฟาแอล วาราน เซ็นเตอร์ฮาล์ฟเฟรนช์แมนเป็นอีกรายที่ได้กลับมาออกสตาร์ต ขณะที่ กาเซมีโร่ กองหลังจำเป็นต้องหลีกทางให้โดยหล่นไปนั่งข้างสนามร่วมกับ อาหมัด ดิยัลโล่
รวมแล้ว ผีแดง ปรับทัพสองตำแหน่งจากเกมปิดซีซั่น พรีเมียร์ลีก ที่บุกไปสยบ ไบรท์ตัน 2-0
อย่างไรก็ดี ถัดมาก่อนเริ่มเกม แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องเปลี่ยนโผตัวสำรองเนื่องจาก กาเซมีโร่ ซึ่งเจ็บมาตั้งแต่กลางสัปดาห์มีอาการกล้ามเนื้อตึงขณะวอร์มอัพในห้องแต่งตัวจึงต้องหลีกทางให้ วิลลี่ กัมบวาล่า ติดโผแทน
3. เด็กผีมีของ
แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มเกมด้วยความรัดกุมตามคาด และเน้นตั้งรับแบบเต็มพิกัดด้วยการแพ็คเกมในแดนตัวเองบีบพื้นที่ไม่ให้ แมนฯ ซิตี้ มีช่องทะลุทะลวง และสามารถสกัดการจู่โจมของทีมร่วมเมืองได้อย่างชะงัดจนทีมของ กวาร์ดิโอล่า แทบไม่มีโอกาสได้ส่องยิง
และในที่สุด สิ่งที่ ผีแดง ต้องการก็เป็นผลเนื่องจากแผงหลังของ เรือใบสีฟ้า ต้องดันขึ้นสูงตลอดเวลาเพื่อร่วมทำเกมรุก และเปิดพื้นที่ให้ แมนฯ ยูไนเต็ด โต้ด้วยลูกวางยาวตามแผน แถม สเตฟาน ออร์เตก้า กับ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ไม่เข้าใจกันจนเป็นการร่วมมอบของขวัญให้ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ตามไปเก็บตกส่งบอลเข้าประตูอย่างง่ายดายพา ผีแดง นำ 1-0 ในนาทีที่ 30
จากการคลำเป้าได้ การ์นาโช่ จึงเป็นนักเตะอาร์เจนไตน์รายแรกที่กระทุ้งประตูได้ในเกมชิงดำ เอฟเอคัพ ต่อจาก ริคาร์โด้ บีย่า อดีตขุนพลทีม สเปอร์ส และเป็นนักเตะวัยรุ่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด รายที่สามที่สอยตาข่ายในเกมนี้ได้ต่อจาก นอร์แมน ไวท์ไซด์ (ปี 1983 กับ ไบรท์ตัน) และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (ปี 2004 กับ มิลวอลล์)
หลังเสียประตู แมนฯ ซิตี้ จำเป็นต้องดันเกมรุกขึ้นสูงมากขึ้นอีก และเข้าทาง แมนฯ ยูไนเต็ด อีกรอบโดยลูกทีมของ เทน ฮาก อาศัยการวางบอลยาวตัดแผงหลังของคู่แข่งอีกครั้งจากการประสานงานกันเป็นทอดๆไล่ตั้งแต่ แรชฟอร์ด ที่ทิ้งบอลข้ามฟากไปทางขวาให้ การ์นาโช่ ตบเข้ากลางก่อนที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส จะจ่ายให้ ค็อบบี้ เมนู เผด็จศึกพา ปีศาจแดง นำห่าง 2-0 ใน 45 นาทีแรกแม้ว่าแชมป์เก่าจะครองบอลได้มากกว่าอื้อซ่า 74.3%:25.7% แต่เป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ได้ยิงมากกว่า 5:3 ครั้ง และส่งบอลเข้ากรอบได้มากกว่าเช่นกัน 3:1 ครั้ง
หลังเช็กบิลเม็ดสองของเกมได้ เมนู ก็เป็นดาวเตะวัยรุ่นอิงลิชรายแรกที่มีชื่อติดสกอร์บอร์ดนัดชิง เอฟเอคัพ ต่อจาก สตีฟ แม็คเคนซี่ ในเกมที่ แมนฯ ซิตี้ ดวลกับ สเปอร์ส ในปี 1981 แถมทั้งเขา และ การ์นาโช่ ทำให้นัดชิงดำ เอฟเอคัพ ปีนี้เป็นหนแรกสุดที่มีสองนักเตะวัยรุ่นทำประตูได้ในเกมเดียวกัน
สำหรับ เมนู เอง เขาเป็นนักเตะคนแรกที่เกิดในศตวรรษที่ 21 ด้วยที่ยิงประตูได้ในเกมชิงถ้วย เอฟเอคัพ และเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดอันดับสองที่ส่งบอลเข้าประตูในเกมนี้ได้ด้วยวัย 19 ปี 36 วันรองจาก จอห์ย ซิสันส์ ของทีม เวสต์แฮม ในปี 1964 ขณะมีอายุ 18 ปี 215 วัน
4. โรดรี้ แพ้แล้ว
เป็นไปตามคาดที่ครึ่งหลัง แมนฯ ซิตี้ บุกใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างได้น้ำได้เนื้อมากกว่าครึ่งหลัง เพียงแต่ไม่ใกล้เคียงที่จะคลำเป้าได้เนื่องจากการได้ วาราน จับคู่กับ มาร์ติเนซ มีส่วนสำคัญที่ทำให้เกมรับของ ผีแดง เอาอยู่เพราะหากเกมนี้ กาเซมีโร่ ถูกส่งลงบู๊ในแผงหลังเชื่อเหลือเกินกว่าแฟนบอล เร้ด เดวิลส์ จะเสียวสันหลังมากกว่านี้
อย่างไรก็ดี การลงสนามของ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ กับ โดกู สองตัวสำรองของ แมนฯ ซิตี้ ทำให้เกมรุกของพวกเขามีความวูบวาบและอันตรายมากขึ้น กระทั่งสามนาทีสุดท้าย อ็องเดร โอนาน่า ที่ทำดีมาตลอดด้วยการเซฟสองลูกยิงของ ไคล์ วอล์คเกอร์ ก็ทำให้กองเชียร์อสูรหนาวๆร้อนๆไปตามๆกันเนื่องจากปัดลูกยิงของปีกทีมชาติ ฝรั่งเศส ไม่อยู่หลุดเข้าประตูให้ เรือใบสีฟ้า ไล่ตาม 2-1 โดยมีการทดเวลาเจ็ดนาที แต่ดีที่ว่าเกมนี้แชมป์ พรีเมียร์ลีก เล่นกันได้ต่ำกว่ามาตรฐานทั้ง เควิน เดอ บรอยน์ ที่โดนเปลี่ยนตัว , ฟิล โฟเด้น , แบร์นาร์โด้ ซิลวา รวมทั้ง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ซึ่งไม่มีพิษสงเหมือนหลายๆเกมที่ผ่านมาจนส่งผลให้ ผีแดง ล้างแค้นได้สำเร็จ
หลังจบ 90 นาที ทีมของ กวาร์ดิโอล่า มีสถิติการครองบอลเหนือกว่า 73.5%:26.5% และมีโอกาสซัดประตูแซงหน้า ผีแดง 19:11 ครั้ง แต่ส่งบอลเข้ากรอบเป็นรอง 5:4 ครั้ง
ขณะเดียวกัน หลังแชมป์เก่าปราชัย โรดรี้ ที่ไม่เคยแพ้เลยหลังลงสนามให้ แมนฯ ซิตี้ มานานติดต่อกันในทุกรายการ 34 นัด (ชนะ 27 เสมอ 7) ก็แพ้เป็นเกมแรกจนได้
ด้าน เรือใบสีฟ้า เสียสถิติแพ้เป็นเกมแรกของทุกรายการเช่นกันหลังจากพวกเขาไร้พ่ายมานาน 35 นัด และไม่สามารถทำลายสถิติของ ฟอเรสต์ ทีมในลีกสูงสุดของเมืองผู้ดีที่ไม่แพ้นานที่สุดรวม 40 นัดเมื่อปี 1978 ในยุคของ ไบรอัน คลัฟ
สำหรับ กวาร์ดิโอล่า เท่ากับว่าเขาแพ้นัดชิงชนะเลิศเป็นหนที่สองนับตั้งแต่ได้กุมบังเหียน แมนฯ ซิตี้ หลังแพ้เพียงครั้งเดียวให้กับ โธมัส ทูเคิ่ล ในเกมชิงดำถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2021 นัดพ่าย เชลซี 1-0 ก่อนเสียท่าให้กับ เทน ฮาก
5. เทน ฮาก อยู่ต่อ?
เป็นอันว่า เทน ฮาก ลบคำสบประมาทได้สำเร็จ และพา แมนฯ ยูไนเต็ด ชำระแค้นคู่ปรับเก่าได้พร้อมทั้งนำโทรฟี่ เอฟเอคัพ มาประดับตู้โชว์ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด อย่างพลิกความคาดหมาย
จากความสำเร็จดังกล่าว ทำให้ ผีแดง ได้เล่นถ้วย ยูโรปาลีก ในซีซั่นหน้า ขณะที่ นิวคาสเซิ่ล ทีมอันดับเจ็ดของตาราง พรีเมียร์ลีก ต้องอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนอย่างช่วยไม่ได้ในเมื่อทีมของ เทน ฮาก คว่ำทีมร่วมเมืองได้ในเกมชิงดำฟุตบอลถ้วย
นอกจากนี้ ที่ต้องจับตามองกันต่อย่อมหนีไม่พ้นอนาคตของผู้จัดการทีมชาวฮอลแลนด์เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาถูกสื่ออย่างน้อยๆสองเจ้าพาดหัวข่าวตัวเท่าหม้อแกงว่าโดนปลดล้านเปอร์เซนต์แม้จะพาทีมสยบ แมนฯ ซิตี้ ที่ เวมบลีย์ ได้ก็ตามเนื่องจากผลงานใน พรีเมียร์ลีก ของ แมนฯ ยูไนเต็ด สุดเลวร้าย
อย่างไรก็ดี หลังพาทีมดับซ่า เรือใบสีฟ้า ได้ และด้วยฟอร์มที่เป็นชิ้นเป็นอัน แถมมีทรงอย่างเหลือเชื่อ มันอาจเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่าสิ่งที่ เทน ฮาก อธิบาย (แก้ตัว) มาโดยตลอดเป็นเรื่องจริงอย่างที่เขายืนยัน นั่งยัน และนอนยันเรื่อยมาว่า ผีแดง มีผลงานแย่ในซีซั่นที่ผ่านมาเนื่องจากมีนักเตะล้มเจ็บค่อนทีม
จนในที่สุด เขาประสบความสำเร็จได้สองแชมป์ในสองปีกับ ผีแดง แถมเกมชนะ แมนฯ ซิตี้ หักหน้านักวิจารณ์ยับยังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ เจ้าของร่วมผู้กุมชะตากุนซือสกินเฮดด้วย และที่สำคัญเกมที่ เวมบลีย์ เร้ด เดวิลส์ ก็ไม่ถึงกับเป็นรองทีมร่วมเมืองแบบสุดลิ่มทิ่มประตูเหมือนหลายนัดที่ผ่านมา บางทีมันอาจทำให้มหาเศรษฐีชาวเมืองผู้ดีใจอ่อนยอมปล่อยให้ เทน ฮาก คุมทีมอีกปีตามที่มีสัญญาผูกมัดในปีสุดท้ายก็เป็นได้เพราะอย่างน้อยๆเขาแสดงให้เห็นว่าสามารถพาทีมร่วมฟาดเกือกถ้วยยุโรปได้ แม้จะเป็นถ้วยใบเล็กก็ตาม อีกทั้ง เซอร์ แรตคลิฟฟ์ ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินปลดเขาออกด้วย และสู้นำเงินไปลงทุนเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์อาจยังดีซะกว่า
ทั้งนี้และทั้งนั้น หากว่าสุดท้ายแล้ว เทน ฮาก ไม่โดนปลดเหมือนที่สื่อประโคมข่าวก็อาจพูดได้เลยว่าฟุตบอลเกมเดียวสามารถพลิกผันชะตาของผู้จัดการทีมได้เลยแม้เท่าที่ผ่านมาเขาจะคุมทีมลงเล่นด้วยฟอร์มที่ดูไม่จืด แต่นัดชนะ แมนฯ ซิตี้ ชนิดที่แทบไม่เปิดโอกาสให้ทีมที่มีเกมรุกน่าเกรงขามมากที่สุดทีมหนึ่งได้จบสกอร์ตามใจชอบเหมือนเคยถือเป็นการพิสูจน์ถึงกึ๋นของนายใหญ่วัย 54 ปีได้เช่นกันว่าเขาสมควรได้รับโอกาสให้แก้ตัวในซีซั่นหน้าโดยที่บอร์ดจะต้องให้การสนับสนุนในการเสริมทัพช่วงซัมเมอร์นี้อย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
*อิงจากsiamsport
จาก:ข่าวฮอต
โพสต์ฮอต
-
วิเคราะห์บอล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี
-
วิเคราะห์บอล เอซี มิลาน VS เซอร์เวน่า ซเวซด้า
-
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 10 ธ.ค. 67 หงส์แดงบุกเยือน! เฮดโค้ชใหม่พาทีม💥ฟอร์มร้อนแรง
-
วิเคราะห์บอล เอฟซี ชักตาร์ โดเน็ตส์ก VS บาเยิร์น มิวนิค
-
ประวัติเลเวอร์คูเซ่น (Bayer 04 Leverkusen) ยอดทีมลีกเยอรมนี
-
พรีวิวการแข่งขันระหว่าง ยูเวนตุส พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้