เริ่มมีความหวัง
บอกตรงๆเรียกได้ว่าฟอร์มของแข้งเบียร์ในเกมนัดเปิดสนามนี้เกินคาดกว่าที่คิดไว้เลยทีเดียว
หลายคนอาจจะแอบค่อนขอดว่าที่ยิงเยอะก็เพราะ สกอตแลนด์ เหลือ 10 คน แต่ถ้าใครที่ดูเกมกันจริงๆ แล้วละก็จะทราบได้เลยว่า “อินทรีเหล็ก” เล่นได้ดีมากๆ ตั้งแต่ 20 นาทีแรกจนขึ้นนำ 2-0
แข้งเบียร์เล่นกันได้เข้าฝักกันทุกคนเลยแทบจะมีจังหวะที่ผิดพลาดน้อยมากๆ ส่วนคนที่โดดเด่นที่สุดก็ต้องยกให้ 2 แข้งดาวรุ่งอย่างจามาล มูเซียลา จากบาเยิร์น มิวนิก และฟลอเรียน เวียร์ตซ์ มิดฟิลด์ฟอร์มร้อนจากเลเวอร์คูเซน ที่ทั้งสองเล่นเกมรุกที่สุดจัดปลัดบอกจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นการทะลุทะลวงการหาช่องว่างสอดเข้าไปพังประตูเรียกได้ว่าทั้งมูเซียลาและเวียร์ตซ์ ทำได้ดีจริงๆ เช่นเดียวกับ 2 กองหน้าอย่างไค ฮาเวิร์ตซ์ และนิคลาส ฟัลครูก ที่ก็สร้างผลงานได้ดีไม่แพ้กันกดกันได้คนละตุง
ก่อนหน้าเกมยูโร 2024 จะเริ่มต้นขึ้นทุกฝ่ายจะเป็นกังวลกับ “อินทรีเหล็ก” ชุดนี้มากที่สุดก็คือปัญหาการจบสกอร์ เพราะกองหน้าที่มีอยู่ไม่ได้มีใครเป็นกองหน้าตัวเป้าขนานแท้แบบโป้งเดียวจอดเลย
โดยหลังจากผ่านเกมยำใหญ่ “วิสกี้” ไปบอกได้เลยสาวก “อินทรีเหล็ก” ทุกคนก็พอโล่งใจได้แล้วว่าปัญหาในการจบสกอร์น่าจะพอวางใจได้บ้างแล้ว แต่ก็ต้องไปตามลุ้นถ้าเจอคู่ต่อสู้ที่ตั้งรับลึกๆ จะทะลุทะลวงได้แบบนี้หรือไม่
อีกคนที่จะต้องไม่ลืมเลยว่าเป็นคีย์แมนหลักของทีมชุดนี้ก็คือ โทนี โครส กองกลางวัย34ปีของเรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่จากลีกกระทิง ที่กลับมาคุมเกมได้อย่างเนียนกริบ
การมีโครสอยู่ในทีมนั้นบอกตรงๆ ทำให้แดนกลางของ “อินทรีเหล็ก” ไหลลื่นแบบไม่มีติดขัด
โดยนัดนี้เจ้าตัวผ่านบอลสำเร็จถึง 99 เปอร์เซ็นต์ โดยผ่านบอลเข้าเป้า 101 จาก 102 ครั้ง
เรียกได้ว่าแทบจะไม่ผิดพลาดเลยด้วยซ้ำไป เรียกได้ว่าบัญชาเกมกลางสนามได้อย่างเบ็ดเสร็จจนแผงมิดฟิลด์ของวิสกี้แทบจะหาบอลไม่เจอเลยทีเดียว
ถือว่าเป็นการตัดสินใจถูกของยูเลียน นาเกลส์มันน์ กุนซือหนุ่มไฟแรงที่เจรจาเกลี้ยกล่อมให้แข้งวัย 34 ปี กลับมารับใช้ชาติอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้ประกาศเลิกเล่นทีมชาติไปนานถึง 3 ปีแล้วด้วยกัน
นอกจากแนวรุกและกองกลางที่ทำได้ดีแล้ว แนวรับก็ทำผลงานได้ดีไม่แพ้กันโดยเฉพาะคู่หูเซ็นเตอร์ฮาล์ฟอย่างโจนาธาน ทาห์ และอันโตนิโอ รูดิเกอร์ ที่ประสานงานกันได้อย่างลงตัว ถ้าไม่นับการพลาดทำเข้าประตูตัวเองของรูดิเกอร์ละก็บอกได้เลยว่าทุกอย่างเพอร์เฟกต์สุดๆ
จากฟอร์มของ “อินทรีเหล็ก” ในเกมนี้ทำเอาสาวกเมืองเบียร์เริ่มฝันถึงการคว้าแชมป์ยูโร 2024 กันบ้างแล้ว ก่อนหน้านี้เชื่อว่าแฟนบอลของเจ้าภาพ ไม่มีใครคิดว่าทีมบ้านเกิดจะไปได้ไกลถึงแชมป์จากฟอร์มการเล่นโดยรวมที่ผ่านมา และส่วนใหญ่มองว่า “สิงโตคำราม” อังกฤษ และ “ตราไก่”ฝรั่งเศส มีโอกาสที่จะคว้าแชมป์ไปครองมากกว่า
ย้อนกลับไปเยอรมนีคว้าแชมป์ทัวร์นาเมนต์ใหญ่ครั้งล่าสุดในศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิล หรือ 10 ปีผ่านมาแล้ว แต่พอมา 6 ปีหลังสุดฟอร์ม “อินทรีเหล็ก” ดิ่งลงเหวโดยตกรอบแรก ฟุตบอลโลกปี 2018 และฟุตบอลโลก ปี 2022 ขณะที่ยูโรครั้งที่แล้วก็ไปได้แค่รอบ 16 ทีมเท่านั้น
และตลอดช่วงที่ผ่านมาเกมอุ่นเครื่องของ เยอรมนี ก็ขึ้นๆลงๆเอาแน่นอนไม่ได้ แถมเพิ่งเปลี่ยนโค้ชมาหมาดๆเช่นกัน แม้กระทั่งตอนแรก ยูเลียน นาเกลส์มันน์ ก็ยังหาจุดเปลี่ยนไม่เจอ แต่จนสุดท้ายอดีตกุนซือบาเยิร์นก็สามารถจัดทีมได้ลงล็อกและแสดงให้เห็นในเกมนัดเปิดสนาม
จากฟอร์มการเล่นอันสุดยอดนี้ทำให้สาวกเลือดเบียร์เริ่มฝันเห็นรางๆ ที่จะได้เห็น “อินทรีเหล็ก” ได้ชูถ้วยแชมป์ต่อหน้าแฟนบอลของตัวเอง.
ขอบคุณแหล่งข่าวจาก thairathsport
โพสต์ฮอต
-
วิเคราะห์บอล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี
-
วิเคราะห์บอล เอซี มิลาน VS เซอร์เวน่า ซเวซด้า
-
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 10 ธ.ค. 67 หงส์แดงบุกเยือน! เฮดโค้ชใหม่พาทีม💥ฟอร์มร้อนแรง
-
ประวัติเลเวอร์คูเซ่น (Bayer 04 Leverkusen) ยอดทีมลีกเยอรมนี
-
วิเคราะห์บอล เอฟซี ชักตาร์ โดเน็ตส์ก VS บาเยิร์น มิวนิค
-
พรีวิวการแข่งขันระหว่าง ยูเวนตุส พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้