“สิงโตคำราม” ใช้ชุดเดิม หวังขยี้สโลวีเนีย โคนมบดเซิร์บ ตราไก่โซ้ยโปล
การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ปี 2024 หรือ “ยูโร 2024” ที่ประเทศเยอรมนี ในค่ำคืน วันที่ 25 มิ.ย. เป็นเกมรอบแรก นัดสุดท้ายของกลุ่มซี และกลุ่มดี มีฟาดแข้งกัน 4 คู่ เริ่มตั้งแต่เวลา 23.00 น. พร้อมกัน 2 คู่ ในกลุ่มดี “กังหันลมสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ จ่าฝูงของกลุ่ม พบกับออสเตรีย ทีมอันดับ 3 ของกลุ่ม คู่นี้ฟาดแข้งกันที่โอลิมปิก สเตเดียม กรุงเบอร์ลิน
“กังหันลมสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ มี 4 คะแนนจาก 2 นัด เกมนี้ โรนัลด์ คูมัน เฮดโค้ชชาวดัตช์ไม่มีปัญหาให้ปวดหัวใจจะยึดผู้เล่นหน้าเดิมๆลงวาด ลวดลาย ผู้รักษาประตู บาร์ต เวอร์บรูคเคน ลงเฝ้าเสา แนวรับวางเดนเซล ดุมฟรีส์, เวอร์จิล ฟาน ไดก์, สเตฟาน เดอ ฟราย และ เนธาน อาเก ยืนเป็นแผงแบ็กโฟร์ ซาบี ซิมมอนส์ ที่โชว์ฟอร์มได้ดีในเกม นัดที่แล้วผนึกกำลังติยานี ไรจ์นเดอร์ส และเจอร์ดี ชูเตน คุมจังหวะเกมกลางสนาม แดนหน้าวางเฌเรมี ฟริมปง, เมมฟิส เดปาย และโคดี กักโป ยืนเป็น 3 ประสานแดนหน้า
ด้านออสเตรีย กลับมาคืนฟอร์มเก่งอีกครั้งหลังบดเอาชนะโปแลนด์มาได้ 3-1 ในรอบที่แล้ว ทำให้มีลุ้นเข้าสู่รอบน็อกเอาต์หากแบ่งแต้มในเกมนี้ได้ ราล์ฟ รังนิก เทรนเนอร์คนเก่ง จะไม่มีการปรับทัพ แต่อย่างใด ผู้รักษาประตูวางแพทริก เพนต์ซ ลงเฝ้าเสา แนวรับวางสเตฟาน พอช, มักซิมิเลียน โวเบอร์, เควิน ดันโซ, ฟิลลิปป์ เอ็มเวเน ยืนเป็นแผงแบ็กโฟร์ นิโคลัส ไซวัลด์, ฟลอเรียน กริลลิตซ์ คุมจังหวะเกม มาร์เซล ซาบิตเซอร์ กัปตันทีมผนึกกำลังคอนลาร์ด ไลเมอร์, คริสโตฟ เบาการ์ทเนอร์ ปั้นเกมรุก แดนหน้า วางมาร์โก อเนาโตวิช กองหน้าตัวเก่ง ลงยืนหน้าเป้า คอยล่าตาข่าย
เนเธอร์แลนด์ต้องการคว้าแชมป์กลุ่มให้ได้จะเป็นฝ่ายเดินเกมรุกกดดันเข้าใส่เพื่อหวังที่จะเก็บชัยชนะ แต่ไม่ง่ายเมื่อออสเตรียวางแผนมาเล่นอย่างรัดกุม เน้นความแน่นอนเป็นหลักเพื่อหวังอย่างน้อยเก็บได้ 1 แต้ม ก็มีโอกาสเข้ารอบน็อกเอาต์ได้เช่นกัน รูปเกมเป็นทาง “กังหันลมสีส้ม” จะเปิดเกมรุกเข้าใส่แบบวันเวย์ แม้ว่าแข้งลุ่มแม่น้ำดานูบจะวางแผนมาเน้นรับและโต้ก็จริง แต่ชั่วโมงนี้แนวรุกแข้งดัตช์อย่างฟริมปง, เดปาย และกักโป ประสานงานกันได้วูบวาบและอันตราย ก่อนจะบดเอาชนะไปได้ในท้ายที่สุด
อีกคู่ในกลุ่มดี “ตราไก่” ฝรั่งเศส รองจ่าฝูง พบกับ “อินทรีขาว” โปแลนด์ บ๊วยของกลุ่ม ที่ตกรอบ แน่นอนแล้ว คู่นี้ฟาดแข้งกันที่ซิกแนล ไอดูนา พาร์ค เมืองดอร์ทมุนด์ เวลา 23.00 น.
“ตราไก่” ฝรั่งเศส เสมอกับ เนเธอร์แลนด์ มาในเกมที่แล้ว ทำให้มี 4 แต้มจากนัดเกมนี้ต้องเก็บ ชัยชนะและยิงให้ได้เยอะๆเพื่อครองจ่าฝูง นัดนี้ ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ กุนซือคนเก่งจะได้คิเลียน เอ็มบัปเป กองหน้ากัปตันทีมตัวเก่ง ฟิตสมบูรณ์อีกครั้ง หลังจากได้พักเต็มๆในนัดล่าสุด จะสวมหน้ากากลงล่าตาข่ายร่วมกับอุสมาน เดมเบเล, มาร์คัส ตูราม ลงล่าตาข่าย อองตวน กรีซมันน์ ผนึกกำลังอาเดรียง ราบิโอต์ คอยสร้างสรรค์เกม เอ็นโกโล ก็องเต รับบทผึ้งงาน คอยตัดเกมคู่ต่อสู้ แนวรับวาง ฌูลล์ กุนเด, อิบราฮิมา โกนาเต, วิลเลียม ซาลิบา, เตโอ เฟร์นานเดซ ยืนเป็น แผงแบ็กโฟร์ ส่วนไมค์ เมนยอง จอมหนึบจากเอซี มิลาน ลงเฝ้าเสาต่อ
ทั้งนี้ โปแลนด์แพ้รวด 2 นัด ตกรอบไปแล้ว แต่เกมนี้ มิเชล โพรเบียร์ซ เทรนเนอร์ชาวโปแลนด์ ยังคงจัดทัพใหญ่วาดลวดลายหวังเก็บแต้มแรกในทัวร์นาเมนต์ให้ได้ ขณะที่ฝรั่งเศสต้องการชัยชนะสถานเดียวเพื่อหวังเข้ารอบในตำแหน่งจ่าฝูง จะเป็นฝ่าย เปิดเกมรุกกดดันเข้าใส่โปแลนด์ตั้งแต่ต้นเกม แม้ว่า แข้งโปลจะใส่เต็มที่เพื่อหวังได้แต้มกลับบ้านบ้าง แต่ ศักยภาพต่างกันหลายช่วงตัว แถมเกมนี้ “ตราไก่” ได้ เอ็มบัปเปกลับมา ทำให้แนวรุกดุดันขึ้นกว่าเดิม น่าจะ ครองเกมและเปิดเกมรุกเข้าใส่อยู่ฝ่ายเดียว ก่อนจะอาศัยจังหวะเข้าทำเกมที่เด็ดขาดกว่าเบียดเข้าวิน ไปได้ไม่ยากเย็น
จากนั้นช่วงเวลา 02.00 น. วันที่ 26 มิ.ย. มีทีเด็ดอีก 2 คู่ จากกลุ่มซี โดยไฮไลต์อยู่ที่ “สิงโตคำราม” อังกฤษ จ่าฝูงของกลุ่ม จะดวลกับ “สโลวัก” สโลวีเนีย ทีมอันดับ 3 ของกลุ่ม เกมนี้ฟาดแข้งกันที่ไรน์ เอเนร์กี สเตเดียม เมืองโคโลญ
“สิงโตคำราม” อังกฤษ มี 4 แต้ม โอกาสเข้ารอบมีพอสมควร แต่ฟอร์มการเล่น 2 นัดที่ผ่านมายังไม่เข้าตาเท่าไหร่ เกมนี้ได้รับข่าวดีเมื่อ ลุค ชอว์ แบ็กซ้ายตัวเก่งกลับมาลงฝึกซ้อมกับทีมได้แล้วแต่น่าจะยังไม่พร้อมสำหรับนัดนี้ ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ไม่มีเปลี่ยนแปลง แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือชาวผู้ดีจะลงเล่นในระบบ 4-2-3-1 เหมือนเดิม แนวรับวางไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, มาร์ค เกฮี และคีแรน ทริปเปียร์ ยืนเป็นแผงแบ็กโฟร์ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยังได้รับความไว้วางใจให้คุมจังหวะเกมกลางร่วมกับเดแคลน ไรซ์ แนวรุก จู๊ด เบลลิงแฮม กองกลางจากเรอัล มาดริด และนักเตะยอดเยี่ยมของลีกกระทิงดุ จะผนึกกำลังฟิล โฟเดน และบูกาโย ซากา, ขับเคลื่อนเกมรุก แดนหน้าวางแฮร์รี เคน กองหน้ากัปตันทีมที่เบิกสกอร์แรกของทัวร์นาเมนต์ได้แล้วลงยืนหน้าเป้าเหมือนเดิม
ส่วนสโลวีเนียเก็บ 2 แต้มจาก 2 นัดแรก ยังมีโอกาสเข้ารอบหากพลิกโค่นอังกฤษได้ในเกมนี้ มาติยาซ เค็ค เทรนเนอร์สโลวีเนีย จะไม่มีการปรับทัพแต่อย่างใด โดยเกมนี้ยังยึดผู้เล่นหน้าเดิมๆ ลงสนาม ผู้รักษาประตู แยน โอบลัค กัปตันทีมจอมหนึบลงเฝ้าเสา แนวรับวางแซน คาร์นิชนิค รับหน้าที่แบ็กขวา วานซา เดอร์คูซิช, ยากา บิโจล ยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ เอริค ยานซา ที่ซัดประตูตีเสมอดูแลทางฝั่งซ้าย ทิมิ แม็ก เอลสนิค กองกลางตัวขับเคลื่อนเกมร่วมกับเปตาร์ สโตยาโนวิช, อดัม จีเนซดา เซริน และ แยน มลาคาร์ แดนหน้าวางเบนจามิน เชสโก กองหน้าตัวเก่งจากไลป์ซิก ผนึกกำลังอันดราซ สปอราร์ ลงล่าตาข่าย
ทั้งนี้ อังกฤษ โชว์ฟอร์มไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ใน 2 นัดแรกของทัวร์นาเมนต์ ทำให้ในเกมนี้จะค่อนข้างเน้นเป็นพิเศษหวังที่จะโค่นสโลวีเนียเพื่อพลิกฟอร์มให้ได้ แต่ไม่ง่ายเมื่อแข้งสโลวักยังค่อนข้างแข็งแกร่งและมีจังหวะโต้กลับเร็วที่ค่อนข้างอันตรายโดยเฉพาะการสอดประสานของเชสโก, สปอราร์, สโตยาโนวิช อย่างไรก็ตาม “สิงโตคำราม” ยังเหนือกว่าทุกขุมกำลัง แค่อาจจะจูนกันไม่ติดเท่านั้น รูปเกมจะเป็นฝ่าย “ทรี ไลออนส์” ที่จะเดินเกมรุกกดดันเข้าใส่ตั้งแต่ต้นเกม แม้ว่าแนวรับสโลวีเนียจะดูเหนียวแน่น แต่คงยากจะต้านทานแนวรุกระดับพระกาฬ ของรองแชมป์เก่าอย่าง เคน, เบลลิงแฮม, โฟเดน และซากาได้ ถ้าสกอร์แรกมาเร็วประตูน่าจะไหลมาเทมาแน่นอน
อีกคู่ของกลุ่มซี “โคนม” เดนมาร์ก เสมอมา 2 นัด รั้งรองจ่าฝูงของกลุ่ม พบกับ “อินทรีเซิร์บ” เซอร์เบียบ๊วยของกลุ่ม คู่นี้ฟาดแข้งที่อันลิอันซ์ อารีนา เมืองมิวนิก
“โคนม” เดนมาร์ก ออกสตาร์ทัวร์นาเมนต์ได้ไม่ดีเท่าไหร่มี 2 คะแนนจาก 2 นัด แต่โอกาสเข้ารอบยังพอมีทำให้แคสเปอร์ ฮุลมันด์ นายใหญ่เลือดเดนส์ จะยึดผู้เล่นหน้าเดิมๆลงสนาม แคสเปอร์ ชไมเคิล นายด่านจอมเก๋าลงเฝ้าเสา แนวรับวาง โจอาชิม แอนเดอร์สัน, อันเดรียส คริสเตียเซน, ยานนิค เวสเตอร์การ์ด ปักหลักยืนเป็น 3 เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ราสมุส คริสเตนเซน, อเล็กซานเดอร์ บาห์ รับหน้าที่วิงแบ็กขวาและซ้าย มอร์เตน ฮูลมานด์, ปิแอร์-เอมิล ฮอยจ์เบิร์ก คุมจังหวะเกมกลางสนามคริสเตียน อีริคเซน กองกลางตัวเก่ง รับบทเพลย์เมกเกอร์ คอยสร้างสรรค์ให้โยนาส โอลเดอร์ วินด์ กับราสมุส ฮอยลุนด์ ยืนเป็นคู่หัวหอก
เซอร์เบียไล่ตามตีเสมอสโลวีเนียมาในนัดที่แล้วได้ 1 แต้มล้ำค่า มาเกมนี้ต้องชนะสถานเดียวเพื่อลุ้นเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ นัดนี้ ดราแกรน สตอยจ์โควิช เทรนเนอร์ชาวเซิร์บ จะไม่มีฟิลิป คอสติช ปีกตัวเก่งที่ถอนตัวออกจากทีมไปเนื่องจากอาการบาดเจ็บ เกมนี้จะยึดผู้เล่นจากเกมล่าสุดลงสนาม ผู้รักษาประตู เปแดร็ก ไรจ์โควิช จะลงเฝ้าเสา เป็นมือ 1 แนวรับวางนิโกลา มิเลนโควิช, สตราฮินจา พาฟโลวิช, มิลอส เวลจ์โควิช ยืนเป็น 3 เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ เนมานยา กูเดลจ์, ซาซา ลูคิช คุมจังหวะเกมกลางสนาม อันดริยา ซิฟโควิช, ฟิลิป มลาเดโนวิช เดินเกมทางปีกขวาและซ้าย ดูซาน ทาคิช กัปตันทีมรับบทเพลย์เมกเกอร์ปั้นเกมรุก แดนหน้าวางดูซาน วลาโฮวิช ผนึกกำลังอเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ลงล่าตาข่าย
ทั้งสองทีมยังมีโอกาสเข้ารอบด้วยกันทั้งคู่ ทำให้เกมนี้จะเปิดเกมแลกกันเพื่อ 3 แต้ม เดนมาร์ก ขุมกำลังถือว่าค่อนข้างสมบูรณ์ แถมนัดที่แล้วที่เสมอ อังกฤษมาแสดงให้เห็นการเล่นที่กลับมาไหลลื่นอีกครั้ง ขณะที่เซอร์เบียเพิ่งมีแค่แต้มเดียว ทีมชุดนี้มีจุดอ่อนอยู่ที่แนวรับที่เสียประตูง่ายไปนิด รูปเกมจะออกมาคู่คี่สูสี ทั้งสองฝ่ายจะเปิดเกมรุกเข้าใส่ตั้งแต่ต้นเกม “โคนม” ขุมกำลังและฟอร์มโดยรวมดูเหนือกว่าเล็กน้อยจะอาศัยจังหวะเข้าของทั้ง อีริคเซน, วินด์, ราสมุส ฮอยลุนด์ ที่ค่อนข้างเด็ดขาดทะลวงแนวรับแข้งเซิร์บ เพื่อกรุยทางสู่รอบน็อกเอาต์ได้ไม่ยาก
ขอบคุณแหล่งข่าวจาก thairathsport
โพสต์ฮอต
-
วิเคราะห์บอล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี
-
วิเคราะห์บอล เอซี มิลาน VS เซอร์เวน่า ซเวซด้า
-
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 10 ธ.ค. 67 หงส์แดงบุกเยือน! เฮดโค้ชใหม่พาทีม💥ฟอร์มร้อนแรง
-
ประวัติเลเวอร์คูเซ่น (Bayer 04 Leverkusen) ยอดทีมลีกเยอรมนี
-
วิเคราะห์บอล เอฟซี ชักตาร์ โดเน็ตส์ก VS บาเยิร์น มิวนิค
-
พรีวิวการแข่งขันระหว่าง ยูเวนตุส พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้