อดีตกุนซือวัย 65 ปี ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่เคยถูกโรนัลโด้ดูแคลน ลบคำสบประมาท พา "ม้ามืด" สร้าง 5 สถิติใหม่ในศึกยูโร

วันที่ 26 มิถุนายน ในศึกฟุตบอลยูโร 2024 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม D นัดสุดท้าย ออสเตรียสร้างผลงานสุดเซอร์ไพรส์ด้วยการเอาชนะเนเธอร์แลนด์ไปได้ 3-2 เก็บ 6 แต้ม คว้าแชมป์กลุ่ม เหนือกว่าทั้งฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์ โดยมี ราล์ฟ รังนิก อดีตกุนซือแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ พลิกโฉมออสเตรียจากม้ามืด สู่ทีมที่น่าจับตามอง

ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ ไม่มีใครคาดคิดว่าออสเตรียจะมาไกลขนาดนี้ พวกเขาต้องเสีย ดาวิด อลาบา กัปตันทีมตัวเก่งไป แถมยังต้องอยู่ร่วมกลุ่มกับ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และโปแลนด์ ทีมแกร่งของยุโรป แต่ออสเตรีย กลับสู้ได้อย่างไม่เป็นรอง นัดแรก พวกเขาพ่ายฝรั่งเศสอย่างหวุดหวิดจากการทำเข้าประตูตัวเอง นัดที่สอง ออสเตรียเร่งเครื่องในครึ่งหลัง ไล่ถล่มโปแลนด์ไป 3-1 ส่วนเกมกับเนเธอร์แลนด์ รังนิก วางแท็กติกได้อย่างยอดเยี่ยม จนแนวรุกของออสเตรียเจาะแนวรับสุดแข็งแกร่งของเนเธอร์แลนด์ได้ถึง 3 ประตู

หลังจบเกม รังนิก ถึงกับออกอาการดีใจอย่างสุดขีด เพราะนี่คือการลบคำสบประมาทได้อย่างหมดจด หลังจากที่เขาถูก โรนัลโด้ ซูเปอร์สตาร์ชาวโปรตุเกสวิจารณ์อย่างรุนแรงผ่านสื่อว่า “เขาไม่ใช่โค้ชด้วยซ้ำ” สมัยที่รังนิกคุมทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

ชัยชนะครั้งนี้ ทำให้ กุนซือชาวเยอรมันวัย 65 ปี สร้างประวัติศาสตร์มากมายให้กับทีมชาติออสเตรีย ไม่ว่าจะเป็น
พาทีมคว้าแชมป์กลุ่ม ในศึกยูโรเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
พาทีมผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ ศึกยูโร เป็นสมัยที่ 2
พาทีมทำสถิติยิงอย่างน้อย 2 ประตู ได้ 2 นัดติดต่อกันในศึกยูโร เป็นครั้งแรก
พาทีมคว้าชัยชนะในรายการใหญ่ได้ 2 นัดติดต่อกัน เป็นครั้งแรกในรอบ 42 ปี
พาทีมล้างอาถรรพ์ เอาชนะเนเธอร์แลนด์ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี หลังจากที่แพ้รวดมา 7 นัด

การผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม ทำให้ออสเตรีย ไม่ต้องเจอกับทีมแกร่งอย่าง โปรตุเกส สเปน ฝรั่งเศส และเยอรมนี ซึ่งเชื่อว่า ด้วยฟอร์มอันร้อนแรงบวกกับมันสมองของ รังนิก พวกเขาพร้อมจะสร้างเซอร์ไพรส์ ในศึกยูโร 2024 ได้อย่างแน่นอน