สื่อสเปน: นิโกเคยสัญญากับพี่ชายอินญากี ว่าจะอยู่เล่นให้บิลเบาอีก 1 ปี

วันที่ 29 กรกฎาคม "มุนโด เดปอร์ติโบ" สื่อดังของสเปน รายงานว่า นิโก วิลเลียมส์เคยให้สัญญากับอินญากี พี่ชายของเขาว่า จะอยู่ค้าแข้งกับแอธเลติก บิลเบาต่อไปอีกอย่างน้อย 1 ฤดูกาล

สื่อแดนกระทิงดุระบุว่า 2 สัปดาห์หลังจบศึกยูโร U21 นิโก ยังคงอยู่ในช่วงพักผ่อน และจะกลับมารายงานตัวฝึกซ้อมปรีซีซั่นกับบิลเบาในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ในขณะที่บาร์เซโลน่า ตัดสินใจที่จะเซ็นสัญญากับเขา แต่ด้วยกฎควบคุมการเงิน ทำให้พวกเขายังไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ นั่นหมายความว่า บาร์ซ่ายังไม่สามารถเซ็นสัญญากับนิโกได้ในตอนนี้

อนาคตของนิโกจะเป็นอย่างไร? เขาจะเซ็นสัญญากับบาร์เซโลน่าหรือไม่  เขาจะอยู่กับบิลเบาต่อไป  หรือเขาจะย้ายไปร่วมทีมปารีส แซงต์-แชร์กแมงกับหลุยส์ เอนริเก้  ทุกอย่างเป็นไปได้ เพราะเขายังไม่ได้ตัดสินใจอย่างแน่ชัด แต่อย่างไรก็ตาม นิโกเคยให้สัญญาไว้ ซึ่งหากเป็นจริงตามนั้น มันจะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจครั้งนี้ นิโกเคยให้สัญญากับอินญากี พี่ชายของเขาว่า เขาจะอยู่เล่นให้บิลเบาอย่างน้อยอีก 1 ฤดูกาล โดยฤดูกาลหน้า จะเป็นครั้งแรกที่สองพี่น้องจะได้ลงเล่นในศึกยูโรปา ลีก ร่วมกัน หลังจากพาบิลเบาจบอันดับ 5 ในลาลีกา ฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้ พวกเขาเฉียดเข้าใกล้มาตลอด แต่ครั้งนี้ พวกเขาก้าวข้ามผ่านมันมาได้

หากนิโกทำตามสัญญา เขาจะไม่ได้ย้ายไปเล่นให้กับบาร์เซโลน่า ปารีส แซงต์-แชร์กแมงหรือเชลซี แต่จะอยู่กับบิลเบาต่อไป ครอบครัวของนิโกผูกพันกับสโมสรแห่งนี้ และเมืองที่ให้การต้อนรับพวกเขาเป็นอย่างดี พวกเขาจึงอยากเห็นนิโกอยู่กับทีมต่อไปอีก 1 ฤดูกาล ขณะที่ทีมงานบางส่วนของนิโก แนะนำให้เขาใช้โอกาสจากการโชว์ฟอร์มเด่นในศึกยูโร U21 ย้ายไปอยู่กับทีมที่มีเป้าหมายยิ่งใหญ่กว่า และได้รับสัญญาที่คุ้มค่ากว่า

นิโกเพิ่งต่อสัญญากับบิลเบา ไปจนถึงปี 2027 เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยมีค่าฉีกสัญญาอยู่ที่ 50 ล้านยูโร และดูเหมือนว่า นักเตะจะให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของคนใกล้ชิด มากกว่าสิ่งยั่วยุจากโลกภายนอก อายุของเขา และความทะเยอทะยานของบิลเบา (การลงเล่นในฟุตบอลยุโรป) คือความท้าทายที่เขากำลังเผชิญอยู่ แม้ว่าการย้ายทีมอาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือก แต่ความท้าทายเหล่านี้ก็ยังคงอยู่ ที่ผ่านมา แอสตัน วิลล่า เคยยื่นข้อเสนอมหาศาลเพื่อคว้าตัวเขาไปร่วมทีม แต่ก็ถูกปฏิเสธมาแล้วหลายครั้ง และดูเหมือนว่า บาร์เซโลน่า และปารีส แซงต์-แชร์กแมง ก็กำลังจะพบกับสถานการณ์เดียวกัน